หลักการ 6 ข้อ ในการอัพเกรด WiFi สำหรับโรงเรียน

ปัจจุบันอินเตอร์เน็ต ถือเป็นบริการที่จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการเรียนการสอนในโรงเรียน อย่างไม่มีข้อสงสัย การมีเครือข่าย WiFi ที่มีคุณภาพ มีสัญญาณครอบคลุม รองรับการใช้งานพร้อมๆกันได้อย่างราบรื่น มีระบบยืนยันตัวตนและเก็บ Log ตามพรบ รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัย และควบคุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นสิ่งที่โรงเรียนต้องคำนึงถึง เรามี 6 Best Practices ในการพิจารณาเลือกโซลูชั่นที่เหมาะสมสำหรับโรงเรียนดังนี้

1. ใช้ทีมงานมืออาชีพในการเข้าไปทำการ Site Survey

การออกแบบเครือข่าย WiFi จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีทั้งความรู้ความเข้าใจ และเครื่องมือในการออกแบบจุดติดตั้งที่เหมาะสม เพราะมีปัจจัยมากมายที่จะกระทบคุณภาพของสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นผนัง กำแพง ความสูง ความหนาแน่นของผู้ใช้งาน รวมไปถึงการใช้งานภายนอกอาคารเป็นต้น ในหลายๆโครงการก็จำเป็นต้องเลือกทีมที่มีเครื่องมือในการทำ RF Simulation Model หรือ ​Heat Map ที่จำลองคุณภาพของสัญญาณบนแบบของอาคารของเราด้ว

2. ติดตั้ง Access Point ในจำนวนที่เหมาะสม

การติดตั้ง Access Point จำนวนมากเกินไปก็สร้างปัญหาสัญญาณรบกวน น้อยเกินไปก็มี Bandwidth ไม่พอสำหรับให้บริการ การออกแบบจำนวน Access Point ให้เหมาะสมนั้นสำคัญมากๆ โดยต้องคำนึงความครอบคลุมของสัญญาณที่ดี และมี Bandwidth เพียงพอในการให้บริการอุปกรณ์จำนวนมากๆอย่างในห้องเรียน หรือห้องสมุดเป็นต้น

3. เลือกใช้เทคโนโลยีWiFiใหม่ล่าสุด

โดยปัจจุบัน 11ax หรือ WiFi6 น่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดตั้งในโรงเรียน เพราะมีความเร็วสูง และสามารถรองรับเครื่องลูกข่ายจำนวนมากๆและหนาแน่นสูงได้ดีกว่า WiFi5

4. เลือกระบบที่รองรับการขยายตัวได้ในอนาคต

ในปัจจุบันโซลูชั่น WiFi มีระบบบริหารจัดการเครือข่ายผ่าน Cloud ซึ่งช่วยให้โรงเรียนไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างระบบ Network Management ที่ซับซ้อนขึ้นมาเอง ทำให้ใช้เงินลงทุน (CaPEX) ต่ำ และยังสามารถช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัดการ (OPEX) ลงได้อีกด้วย และเมื่อต้องการขยายขนาดของเครือข่ายหรือจำนวน Access Point ก็สามารถทำได้ทันทีและทำได้อย่างเกือบไม่จำกัด แต่อย่างไรก็ตามการใช้โซลูชั่น Cloud ก็มักจะมีค่าใช้จ่ายเป็น Subscription รายเดือนหรือรายปี แต่ก็มีหลายโซลูชั่นที่นำเสนอบริการ Cloud แบบไม่มีค่าใช้จ่าย อย่าง EnGenius ก็มีให้เลือกทั้ง EnGenius Fit สำหรับเครือข่ายขนาดเล็ก หรือจะเป็น EnGenius Cloud สำหรับเครือข่ายขนาดใหญ่

5. เลือกระบบที่ใช้งานง่าย บำรุงรักษาเบื้องต้นได้เอง

โรงเรียนควรเลือกระบบที่บุคลากรภายใน สามารถติดตั้ง ดูสถานะ แก้ไขปัญหาเบื้องต้นเองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ระบบนาน สามารถส่งต่องานในการดูแลระบบให้กับบุคลากรคนอื่นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบที่ใช้งานและเรียนรู้ง่าย ช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย

6. ระบบที่ปลอดภัย และสามารถควบคุมได้

โรงเรียนควรเลือกระบบที่สามารถกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้งาน ในการเข้าถึงเครือข่ายได้อย่างปลอดภัย และสามารถกำหนดได้ว่าอาจารย์และนักเรียนสามารถเข้าถึง Server หรืออุปกรณ์ใดๆแยกกันได้ นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงระบบ ยืนยันตัวตนและเก็บ Log ตามพรบ คอมพ์ 2560 ด้วย

และนี่คือหลักการ 6 ข้อคร่าวๆ สำหรับการเลือกลงทุนเครือข่ายสำหรับโรงเรียน ซึ่ง EnGenius เป็นทางเลือกที่พร้อมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ มีนักเรียน 100 – 10,000 คน ระบบก็สามารถรองรับได้ และที่สำคัญยังเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดอย่างแน่นอน