7 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะปฏิวัติวงการความปลอดภัยในปี 2024

โพสเมื่อ 28/02/2024 17:58 | อัพเดท 05/03/2024 22:25

อุตสาหกรรมความปลอดภัยในปี 2024 กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้น ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) , อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และ บิ๊กดาต้า ที่ผสานเข้าด้วยกัน สิ่งเหล่านี้กำลังปูทางไปสู่โซลูชันด้านความปลอดภัยที่ชาญฉลาด ร proactive (เชิงรุก) และ predictive (คาดการณ์) มากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่มีความแข็งแกร่ง แต่ยังใช้งานง่ายอีกด้วย

บทความนี้จะแนะนำ 7 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบสำคัญต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัย

1. AI ยกระดับความอัจฉริยะของระบบ

AI กำลังยกระดับอุตสาหกรรมความปลอดภัยด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ของเครื่องจักร ผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีต่างๆ เช่น แสงที่มองเห็นได้ เสียง รังสีเอกซ์ แสงอินฟราเรด เรดาร์ เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี Artificial Intelligence Image Signal Processing (AI-ISP) ที่ช่วยปฏิวัติวงการการประมวลผลภาพวิดีโอ ให้ภาพที่มีคุณภาพสูง ผ่านระบบลดสัญญาณรบกวนอัจฉริยะ ช่วยให้ได้ภาพที่คมชัด มีช่วงไดนามิกกว้าง (wide dynamic range) และรายละเอียดที่ชัดเจน แม้ในสภาพแสงน้อย ช่วยลดความจำเป็นในการใช้แสงสว่างเพิ่มเติม ส่งผลต่อการตัดสินใจเชิงสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. แอปพลิเคชัน AI ปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ

ความก้าวหน้าของโมเดล AI ขนาดใหญ่ในปีที่ผ่านมา ช่วยให้ AI สามารถตีความสถานการณ์ที่ซับซ้อน ข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาโซลูชัน AI เฉพาะทาง (tailored) สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต พลังงาน สาธารณสุข และการศึกษา

สถาปัตยกรรมที่คล่องตัวมากขึ้น อันมีพื้นฐานมาจากแพลตฟอร์มอิสระ (open platform) และอัลกอริทึมขั้นสูง ช่วยให้นำ AI ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน (collaboration) และสร้างระบบนิเวศน์ (ecosystem) ที่เอื้อต่อการพัฒนาร่วมกัน

3. การผสานคลาวด์และ Edge Computing

การผสานคลาวด์และ Edge Computing กำลังขับเคลื่อนการเกิดขึ้นของบริการที่เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นำไปสู่โซลูชันอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ เช่น ระบบควบคุม perimeter ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น และการจัดการระบบความปลอดภัยบนคลาวด์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันที และตัดสินใจได้ดีขึ้นที่จุดปลายทาง (edge) นอกจากนี้ แพลตฟอร์มบนคลาวด์ยังช่วยลดการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ และเสนอตัวเลือกที่ปรับขนาดได้ (scalable) สำหรับธุรกิจทุกขนาดและงบประมาณ ช่วยลดต้นทุนทั้งในเบื้องต้นและระยะยาว

4. เทคโนโลยีดิจิทัลทวิน (Digital Twin) ปฏิวัติการบริหารจัดการธุรกิจ

ดิจิทัลทวินเป็นโมเดลเสมือนจริงที่จำลองสถานการณ์ในโลกแห่งความจริงแบบเรียลไทม์ โดยการบูรณาการกับ AIoT, คลาวด์คอมพิวติ้ง และเทคโนโลยีอื่นๆ ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึก (insights) แบบไดนามิกเกี่ยวกับตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (metrics) ต่างๆ เช่น ความปลอดภัย ปริมาณการใช้งาน และการใช้พลังงาน สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ (immersive experience) ด้วยภาพที่ซิงโครไนซ์กัน 

5. เทคโนโลยีจอภาพ โดยเฉพาะ LED กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

การนำเทคโนโลยี COB (Chip-on-Board) มาใช้อย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ความต้องการ LED แบบพิกเซลละเอียด (small-pitch) เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโซลูชัน LED ที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ผสมผสานการลดใช้พลังงานให้น้อยลงกับความละเอียดสูง ช่วยส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) และรองรับการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น วิดีโอวอลล์แบบผนึก一体 (integrated) ในศูนย์ควบคุม ช่วยให้เราตัดสินใจอย่างชาญฉลาดด้วยมุมมองที่ใช้งานง่าย จอแสดงผลแบบโต้ตอบ (interactive display) และ ป้ายดิจิทัล (digital signage) กำลังทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (digital transformation) ในภาคการศึกษา ธุรกิจ และการบริการ

6. การรักษาความปลอดภัยการพิสูจน์ตัวตนดิจิทัล มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องไซเบอร์

การพิสูจน์ตัวตนดิจิทัล (digital identity authentication) คือการตรวจสอบและอนุญาตสิทธิ์แก่บุคคล ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ (cybersecurity) ผู้ไม่หวังดีมักใช้เทคนิคต่างๆ เช่น ฟิชชิ่ง (phishing) มัลแวร์ (malware) และ วิศวกรรมสังคม (social engineering) เพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและยึดแย่งสิทธิ์ เพื่อปกป้องตัวตนดิจิทัล ผู้ใช้และองค์กรควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง ใช้การพิสูจน์ตัวตนแบบหลายปัจจัย (multi-factor authentication) หลีกเลี่ยงการใช้เครือข่ายสาธารณะ อัพเดทซอฟต์แวร์อย่างทันเวลา และระมัดระวังกลโกงทางวิศวกรรมสังคม

7. เทคโนโลยีสร้างสรรค์ขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมต่างๆ กำลังนำแนวทางสีเขียว (green practices) มาใช้มากขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้ทรัพยากร ซึ่งรวมถึงการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการใช้ส่วนประกอบที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ เรายังคาดหวังที่จะเห็นการนำเทคโนโลยีสร้างสรรค์มาใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตัวอย่างเช่น การบูรณาการเซ็นเซอร์ตรวจวัดสิ่งแวดล้อมเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัย ช่วยให้เราสามารถรับมือกับภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า ดินถล่ม และหิมะถล่ม ได้ดียิ่งขึ้น

Hikvision สามารถตอบสนองความต้องเหล่านี้ด้วยโซลูชั่นต่างๆดังต่อไปนี้

1. AI ยกระดับการรับรู้:

- กล้อง AI Hikvision: กล้องเหล่านี้ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์วิดีโอแบบเรียลไทม์และระบุวัตถุ บุคคล และเหตุการณ์ที่น่าสงสัย ตัวอย่างเช่น กล้องสามารถตรวจจับใบหน้า บุกรุกพื้นที่ ป้ายทะเบียนรถ และอื่นๆ

- AI-ISP: เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกล้อง Hikvision ในสภาพแสงน้อยและสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายอื่นๆ

2. แอปพลิเคชัน AI ปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ:

- โซลูชั่น AI ของ Hikvision สำหรับการผลิต: โซลูชั่นเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตรวจสอบคุณภาพสินค้า และควบคุมกระบวนการผลิต

- โซลูชั่น AI ของ Hikvision สำหรับพลังงาน: โซลูชั่นเหล่านี้ช่วยตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ป้องกันการโจรกรรม และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

- โซลูชั่น AI ของ Hikvision สำหรับการดูแลสุขภาพ: โซลูชั่นเหล่านี้ช่วยวินิจฉัยโรค ตรวจสอบผู้ป่วย และจัดการข้อมูลทางการแพทย์

- โซลูชั่น AI ของ Hikvision สำหรับการศึกษา: โซลูชั่นเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในโรงเรียน ตรวจสอบการเข้าร่วมชั้นเรียน และวิเคราะห์พฤติกรรมของนักเรียน

3. การผสานคลาวด์และ Edge Computing:

- Hikvision Cloud: แพลตฟอร์มคลาวด์ของ Hikvision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการระบบรักษาความปลอดภัย ดูวิดีโอแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล

- Hikvision Edge Computing: โซลูชั่น Edge Computing ของ Hikvision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์วิดีโอแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

4. เทคโนโลยีดิจิทัลทวิน (Digital Twin) ปฏิวัติการบริหารจัดการธุรกิจ:

Hikvision Digital Twin: โซลูชั่น Digital Twin ของ Hikvision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างโมเดลเสมือนจริงของสถานที่และระบบเพื่อจำลองสถานการณ์ต่างๆ และทดสอบกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัย

5. Display technology

- Hikvision LED Displays: จอ LED ของ Hikvision ให้ภาพที่คมชัดและสว่าง เหมาะสำหรับใช้งานในศูนย์ควบคุม ป้ายดิจิทัล และอื่นๆ

6. Digital identity authentication security is increasingly crucial in safeguarding cybersecurity:

- Hikvision Access Control: โซลูชั่นควบคุมการเข้าออกของ Hikvision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมว่าใครสามารถเข้าถึงสถานที่และระบบต่างๆ ได้

- Hikvision Video Management System: ระบบจัดการวิดีโอของ Hikvision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกและตรวจสอบวิดีโอเพื่อระบุบุคคลที่น่าสงสัย

7. Innovative technologies drive environmental sustainability and climate change resilience:

- Hikvision Solar-powered Cameras: กล้องพลังงานแสงอาทิตย์ของ Hikvision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า

- Hikvision Thermal Cameras: กล้องตรวจจับความร้อนของ Hikvision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจจับบุคคลและวัตถุในสภาพอากาศที่เลวร้าย

- Hikvision มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชั่นที่ล้ำสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง Hikvision กำลังนำเสนอโซลูชั่นที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เพื่อปกป้องผู้คนและทรัพย์สิน

--

NVK พร้อมให้บริการให้บริการ สำหรับโซลูชั่น Hikvision ครับ


RELATED ARTICLES