[Portalista] การพิสูจน์ตัวตนเพื่อเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านหน้า Captive Portal ด้วยการเข้าสู่ระบบผ่าน Health ID และ Provider ID และยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชันหมอพร้อม

โพสเมื่อ 30/05/2025 11:54 | อัพเดท 30/05/2025 11:55

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวฟีเจอร์ใหม่ในระบบ Portalista ที่เหมาะสำหรับการนำไปใช้งานในโรงพยาบาลกันนะคะ

ฟีเจอร์ที่ว่านี้คือการพิสูจน์ตัวตนเพื่อเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านหน้า Captive Portal ด้วยการเข้าสู่ระบบผ่าน Health ID และ Provider ID และยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชันหมอพร้อมค่ะ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีโรงพยาบาลเริ่มนำไปใช้งานแล้วค่ะ

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนค่ะ ว่า Health ID และ Provider ID เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรกันค่ะ

Health ID คือหมายเลขแทนบัตรประชาชน (Digital ID) ที่อยู่บนระบบดิจิทัลกลางของกระทรวงสาธารณะสุข เปรียบเสมือนเป็นบัตรของโรงพยาบาลให้เจ้าของ ID สามารถใช้บริการทางแพทย์และสาธารณะสุข บนดิจิทัลแพลตฟอร์มกลางของกระทรวงได้ ซึ่งทุกท่านสามารถลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้งาน Health ID ผ่านแอพพลิเคชันหมอพร้อมค่ะซึ่งต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านระบบ ThaiID ค่ะ

Provider ID คือหมายเลขแทนบัตรประชาชนประจำตัวบุคลากรทางแพทย์ สำหรับให้บริการและเข้าถึงประวัติการรักษาของผู้ป่วย ซึ่งต้องมีการลงทะเบียนตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยอาจใช้ข้อมูลอื่นๆ เช่นหมายเลขใบประกอบวิชาชีพ และได้รับการตรวจสอบและพิจารณาจากหัวหน้าหน่วยแล้วค่ะ

ข้อดีของโซลูชันนี้คือเราจะสามารถยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการส่ง OTP ค่ะ เพราะเป็นการยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชันของทางภาครัฐบาลที่ทำไว้แล้วอย่างสมบูรณ์นั่นเองค่ะ

โดยขั้นตอนในการเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นดังนี้ค่ะ

  1. ผู้ใช้งานเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi หรือระบบ LAN จากนั้นจะถูก redirect มาที่หน้า Captive Portal
  2. หน้า Captive Portal มีการตั้งค่าให้เปิดฟีเจอร์ในการเข้าสู่ระบบด้วย Health ID หรือ Provider ID
  3. เมื่อกดที่ปุ่มเข้าสู่ระบบด้วย Health ID หรือ Provider ID จะถูก redirect ไปที่ระบบหมอพร้อมเพื่อกรอกเลขบัตรประชาชนและรหัส PIN ที่ตั้งไว้ในแอพพลิเคชันหมอพร้อม
  4. ทำการยืนยันรหัส OTP ที่ได้ผ่านแอพพลิเคชัน
  5. ระบบหมอพร้อมจะ redirect กลับมาที่หน้า Captive Portal และสามารถเริ่มต้นใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เลยค่ะ

 

สำหรับการนำไปปรับใช้ในการกระบวนการการพิสูจน์ตัวตนเพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตในโรงพยาบาล

เราอาจจะเปิดใช้งานหน้า Captive Portal ที่เปิดฟีเจอร์ในการเข้าสู่ระบบด้วย Health ID สำหรับผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลใน SSID สำหรับ Guest Wi-Fi

และเปิดใช้งานหน้า Captive Portal ที่เปิดฟีเจอร์ในการเข้าสู่ระบบด้วย Provider ID สำหรับบุคลากรในโรงพยาบาลเพื่อให้สามารถใช้งานเครือข่ายภายในโรงพยาบาลที่สามารถใช้งานระบบภายในโรงพยาบาลได้ค่ะ

ซึ่งในการเปิดใช้งานการเข้าสู่ระบบด้วย Health ID และ Provider ID มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการขอใช้งาน API เพื่อนำข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน API เช่น Client ID หรือ Client Secret มาตั้งค่าไว้ในระบบ Portalista เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้ค่ะ ซึ่งในระบบไม่ได้มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวอื่นๆของผู้ที่เข้าสู่ระบบผ่าน Health ID ไว้ในระบบค่ะเพียงแค่ใช้ Health ID เป็นช่องทางในการพิสูจน์ตัวตนที่ได้มาตรฐานเท่านั้นค่ะ

ทุกท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากลิงค์ด้านล่างค่ะ

https://bdh.moph.go.th/site/wp-content/uploads/2024/08/V2_Flow_step_provider_id.pdf

 

ด้านล่างนี้เป็นหน้าจอตัวอย่างของระบบในการ Integrate ระบบ Captive Portal ร่วมกันกับ Health ID และ Provider ID ของระบบ Portalista ค่ะ

 

 

ในตอนนี้ทางภาครัฐจะพยายามพลักดันให้ระบบ IT ของแต่ละโรงพยาบาลนำการพิสูจน์ตัวตนผ่าน Provider ID ไปใช้ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าถึงระบบภายในหรือข้อมูลของผู้มาใช้บริการสาธารณสุขค่ะ

หากโรงพยาบาลไหนกำลังมองหาระบบพิสูจน์ตัวตนเพื่อเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่าน Provider ID ที่พร้อมใช้งาน โดยที่ไม่ต้องจ้างทีมพัฒนาสร้างขึ้นมาใหม่ สามารถติดต่อทาง NVK ได้เลยนะคะ

 


RELATED ARTICLES